เผยแพร่เมื่อ:
เขียนโดย Admin
ชลบุรี - พิธีลงนาม MOU ระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง มหาวิทยาลัยโคเวนทรี่ (Coventry University) และ Finn School of Business and Tourism เพื่อยกระดับการศึกษา "อาชีวะพรีเมียม"
วันที่ 13 มกราคม 2563 ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง มหาวิทยาลัยโคเวนทรี (Coventry University) และ Finn School of Business and Tourism โดยมี ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง พร้อมด้วย Mr. Kevin Dunn ผู้จัดการระดับภูมิภาค Coventry University และ ดร.ปริญญ์ ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการสถาบัน FINN School of Business and Tourism เป็นผู้ร่วมลงนามรวมทั้งสักขีพยาน ประกอบด้วย ดร.กานทิพย์ ชาติวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน ดร.ธวัชชัย อุ่ยพานิช ที่ปรึกษาเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายธานินทร์ ชลจิตต์ ศึกษาธิการ จังหวัดชลบุรี และ ดร.แจ่มจันทร์ อินนิวัตร์ ผู้รับใบอนุญาตวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง มหาวิทยาลัยโคเวนทรี (Coventry University) และ Finn School of Business and Tourism ซึ่งเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกว่า 20 แห่งจาก 3 ประเทศคือ อังกฤษ ออสเตรเลีย และ สวิตเชอร์แลนด์ เริ่มต้นจากนโยบายของประเทศ ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของวิทยลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง ตามนโยบายการปฏิรูปอาชีวศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพหลักสูตรอาชีวศึกษาตามนโยบายรัฐหรือ "อาชีวะพรีเมียม” โดยจะนำร่องเปิดหลักสูตรในสาขาวิชาที่ตอบโจทย์ยุทธศสตร์ชาติ เป็นโปรแกรม Top-up Degree ร่วมกับสถาบันการศึกษาจากต่างประเทศที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนและมาตรฐานเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อพาตัวเองให้ก้าวผ่านปัญหา Disrupt หรือการล่มสลายทางการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับปริญญโดยตรงจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกตามที่เลือกศึกษาต่อในปีสุดท้าย
ซึ่งพิธีการลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของวิทยาลัยอาชีวศึกษาในประเทศไทย ที่ได้มีการเข้าร่วมทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนนักศึกษาเพื่อไปศึกษาต่อในระดัปริญญาตรี ณ ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลียและสวิตเซอร์แลนต์ เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถด้านภาษา การแก้ปัญหา การคิดวิคราะห์ ประสบการณ์ การนำเสนอและการเจรจาด้วยภาษาอังกฤษเชิงวิชาการในระดับสูง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะหล่อหลอมให้มีความพร้อมในการทำงานอย่างมืออาชีพ พร้อมเข้าสู่โครงการพัฒนาระเบียงศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC อีกด้วย
โจ ลำน้ำปิง/รายงาน