เขียนโดย Admin | |
หมวดหมู่
ข่าวทั่วไป,
ข่าวหน้าหนึ่ง,
ประชาสัมพันธ์
ที่ลำเหมืองมหัศจรรย์ หมู่บ้านฝายมูล หมู่ที่ 1 ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน นายสุทัศน์ จินตเวชศาสตร์ นายอำเภอท่าวังผา เป็นประธาน เปิดงานแข่งเรือนัดเปิดสนาม ในงานทานสลากห่อข้าวดำดิน เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทพวน และเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ซึ่งในตอนเช้า มีกิจกรรมการทำบุญทานก๋วยฉลากห่อข้าวดำดิน ในช่วงเช้า และช่วงสายจนถึงเย็น มีกิจกรรมการแข่งเรือเล็ก 12 ฝีพาย ซึ่งเป็นการใช้วิถีชีวิตและการกีฬาสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สร้างความรักความสามัคคี ตลอดจนการสืบสานและอนุลักษณ์ไว้ ซึ่งประเพณีวัฒนธรรม อันดีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
ซึ่งพิธีจัดห่อข้าวประดับดินหรือการทานสลากข้าวดำดิน ของชุมชนชาวไทยพวน ทั้งนี้จัดขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นการเลี้ยงสรรพวิญญาณ มนุษย์ อมนุษย์ ผีมีญาติ ผีไม่มีญาติ เปรต อสูรกาย สัตว์โลกทั้งหลาย ที่หิวโหยอดอยาก ให้ได้จัดไว้ให้ เพื่อให้ชาวไทยพวน ยึดถือปฏิบัติเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษไทยพวน ประเพณีนี้ เริ่มตั้งแต่ตะวันขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านไม่ทำงานหนัก ทุกคนในบ้าน จะหาตระกร้า หรือไม้ไผ่มาจักรสาน สลาก แล้ว นำข้าวสุก และอาหารคาวหวาน ผลละหมาก มีพริก หอมกระเทียม ขิงข่าผลไม้ ใส่ในตระกร้า หรือสิ่งต่างๆใส่ลงไป เพื่ออุทิศถวายทานให้แก่ บรรพบุรุษ ที่เคารพนับถือ และบิดามารดา ญาติ และผู้มีพระคุณ รวมทั้งยังอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร โดยมีความเชื่อว่าครอบครัวจะได้ อยู่เย็นเป็นสุข
ทางด้าน นายสมศักดิ์ จิณปัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้าน ฝายมูล กล่าวว่าประเพณีห่อข้าวดำดิน เป็นประเพณี คือ การทำห่อข้าวและห่อกับข้าวเพื่อญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว ประเพณี ห่อข้าวดำดินจะทำกันในวันแรม เดือน 14 ค่ำ ประเพณีจะเริ่มตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืนของวันแรม 14 ค่ำ เมื่อถึงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว หรือวันแรม 15 ค่ำ ในเวลาดังกล่าว พระภิกษุที่อยู่ทางวัด จะตีกุหลุ่ยซุ้ม (ตีกลอง) ที่วัด เพื่อบอกกล่าวให้ได้รับรู้ว่า วันแรม ๑๕ ค่ำ จะมีญาติพี่น้องลูกหลานนำห่อข้าว ห่อกับข้าวมาอุทิศให้ ให้มารอรับที่วัด ห่อข้าวและห่อกับข้าวผูกมัดติดกัน และเขียนชื่อผู้ล่วงลับ ใส่กระดาษแนบไว้ด้วย ผู้ตาย 1 คน ต่อหนึ่งห่อ ซึ่งห่อข้าวนี้ หลังนำมาถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับแล้ว พระภิกษุสามเณรจะนำฉันแล้ว ส่วนที่เหลือพระสงฆ์ จะอนุญาติให้ญาติโยม ผู้นำหมู่บ้าน จะนำไปแจกทานให้ชาวบ้านนำไปกินได้
เขียนโดย Admin | |
หมวดหมู่
ข่าวหน้าหนึ่ง,
ข่าวอาชญากรรม
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับทราบจากแหล่งข่าว ว่าจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำจะ จึงสั่งการให้ ร้อยโท ทนงศึก สีทองสุด ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2109 จัดกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว (หน่วยงานหลัก) ร่วมกับ ชุด นบ.ยส.24,ตร.สภ.ปากชม,ชปข.ร้อย.ตชด.246 และ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปากชม จึงเดินทางตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน บม-3077 เลย จอดอยู่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย เหมือนคนที่มีสิ่งของที่เป็นความผิด หรือกระทำความผิด พยายามขับรถหนีเจ้าหน้าที่ จนท.จึงเรียกให้หยุด และแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในรถพบ นางสาวนิตยาหรือยา วงศ์ยัง เป็นคนขับรถยนต์คันดังกล่าวและมี นางสาวพวงผกาหรือเรียม ไชยศรีฮาด เป็นผู้โดยสารมาเบาะข้างคนขับ จึงตรวจค้นนางสาวพวงผกา พบยาบ้า 165 เม็ด อยู่ในกระเป๋าสะพายหลังสีดำที่เจ้าตัวสะพายด้านหลัง ซุกซ่อนในกระป๋องลูกอมสีเขียว และตรวจค้น นางสาวนิตยา ผู้ต้องหาที่ขับรถมีลักษณะท่าทางน่าสงสัยและเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเชิญตัวมาตรวจค้น โดยให้ จนท.อส.สุวรรณา (อส.หญิง) ตรวจค้นพบยาบ้า 5 ถุง จำนวน 1,009 เม็ด ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงในที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ สอบถาม ทั้งสองให้การยอมรับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนจริง หน่วยจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สืบสวน สภ.ปากชม เพื่อขยายผล ผู้ต้องหา 2 ราย นางสาวนิตยาหรือยา วงศ์ยัง (คนขับรถ) อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 228 ม.1 บ.หาดคัมภีร์ ต.หาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย และนางสาวพวงผกาหรือเรียม ไชยศรีฮาด (คนโดยสารข้าง) อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 103 ม.9 บ.โนนสมบูรณ์ ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย ของกลางยาบ้า จำนวน 1,174 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และรถยนต์ จำนวน 1 คัน ยี่ห้อมิสซูมิซิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน บม 3077 เลยเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะที่จับกุม จนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนตาม มาตรา 22 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง สภ.ปากชม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #กองทัพบกroyalthaiarmy #กองทัพภาคที่2 #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777
เขียนโดย Admin | |
หมวดหมู่
ข่าวทั่วไป,
ข่าวสังคม,
ข่าวอุบัติเหตุ
นายนวนนท์ อัตถะวรวโรม อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ที่ 2 ต.หนองตูม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ปีนหลังคาศาลากลางผ่านทางบันไดหนีไฟขึ้นไปนั่งบนจั่วหลังคาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเรื่องการรางวัดที่ดิน ที่เพื่อนบ้านได้ขายให้กับนายกอบต. นายจรินทร์ ไม้กร่าง และมีการยื่นขอรางวัดที่ดิน ปรากฎว่าที่ดินของครอบครัวตนหายไปกว่า 3 งาน จึงได้มีการยื่นเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรม และแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการเรียกร้องที่ดินดังกล่าวคืน แต่ปรากฎว่าทนายความได้ให้แม่ของตนเซ็นท์ถอนแจ้งความ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่เชื่อว่าเป็นการกดดัน ซึ่งทำให้ตนเครียด พอมาร้องเรียนหน่วยงานนอกจากไม่สนใจแล้ว ยังต่อว่าซึ่งตนเองก็เป็นชาวบ้าน ว่าจะนำข้าราชการคนนั้นไปเป็นเครื่องต่อรอง ปรึกษาใครก็ไม่ช่วย หาทางออกไม่ได้ จึงต้องมาแสดงจุดยืนแบบนี้ ตนเองนอกจากเสียเงินจำนวนมากในการดำเนินการครั้งนี้ ก็ต้องมาเสียกำลังใจ จากความไม่เป็นธรรม และไม่ได้รับการเหลียวแลนายนวนนท์ ได้เดินทางมาศาลากลางด้วยรถจักรยานยนต์ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. และปีนขึ้นไปบนยอดจั่วเวลาปนะมาณ 16.30 น. นั่งอยู่บนนั้นพร้อมเชือกผ้าสีแดงที่ผูกคอตนเองถึงเวลา 19.30 น.
ตลอดเวลา 3 ชั่วโมง ได้มีเจ้าหน้าที่ผลัดกันขึ้นไปเกลี่ยกล่อม รวมถึงลูกชายที่มาสังเกตุการณ์กับอา และเล่าว่าพ่อเคยพูดให้ฟังบ้างเหมือนกันแต่ไม่คิดว่าจะตัดสินใจแบบนี้ และในช่วงที่อยู่บนจั่วหลังคา นายไพรัช กิ่งก้าน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี สมาชิกกู้ภัยบางแก้วสุโขทัย ซึ่งได้เคยฝึกอบรมในเรื่องของการต่อรองมาแล้ว ได้เข้าพูดคุยถามไถ่และแสดงความเข้าใจ ทำให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน จนนายนวนนท์ไว้ใจและยอมให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางแก้วเข้าไปรับ โดยใช้เชือกโรยตัวมาจากหลังคาศาลากลางด้วยความปลอดภัย
จากนั้นให้นายนวนนท์ที่มีท่าทีอ่อนเพลียได้นั่งพัก และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในสิ่งที่ตนเองร้องขอความเป็นธรรมคือเรื่องที่ดินของครอบครัว ขอให้มีการรางวัดให้เป็นธรรม ขอให้มีเจ้าหน้าที่ที่ดินเป็นพยานในการวัด ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมา ที่วัดกันเอง สรุปเอง และขอให้นายกคนดังกล่าวมีความยุติธรรม แบ่งภาระค่ารังวัดที่ดิน ไม่ใช่ให้ตนเองรับผิดชอบฝ่ายเดียว และขอให้การใช้ที่ดินติดกันเป็นธรรมกับตนเองด้วย เพราะน้ำซักล้างจะไหลมาที่ตนซึ่งต่ำกว่า ทำให้สารเคมีจากที่สูงกว่าไหลมาที่ตนจากนั้นเจ้าหน้าที่จิตเวชจากโรงพยาบาลสุโขทัยได้เข้าพูดคุย เช็คร่างกายเบื้องต้น และส่งต่อให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุโขทัย ส่วนการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะได้ดำเนินการตาวจสอบตามขั้นตอนทางราชการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไปพงศ์เทพ สาคร สุโขทัย
เขียนโดย Admin | |
หมวดหมู่
ข่าวทั่วไป,
ข่าวหน้าหนึ่ง,
ประชาสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ณ อาคาร 13 พลศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จังหวัดชลบุรี รศ.ดร. สถาพร เชื้อเพ็ง รองอธิการบดีวิทยาเขตศรีราชา เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสถาปนาวิทยาเขตครบรอบปีที่ 29 ภายใต้ธีมงาน "Low Carbon Society" โดยมีนายธานี เกียรติพิพัฒนกุล รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง, ผู้นำชุมชนแหลมฉบัง, หน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชน เข้าร่วมงานในครั้งนี้
รศ.ดร.สถาพร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา มีความภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านการศึกษาและการวิจัยที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง SDGs (Sustainable Development Goals) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการและลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2035
ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานทางวิชาการของทั้ง 5 คณะวิชาในวิทยาเขตศรีราชา การมอบโล่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา การเสวนาวิชาการในหัวข้อ "Low Carbon Society : สังคมคาร์บอนต่ำเพื่อโลกที่ยั่งยืน" กิจกรรมจากนิสิตในรายวิชาศาสตร์แห่งแผ่นดิน การแข่งขัน Hackathorn และงานเสวนาวิชาการนานาชาติ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ก้าวเข้าสู่ปีที่ 29 อย่างมั่นคง มีความมุ่งมั่นในการสร้างบัณฑิตสมรรถนะสูง และทันสมัย สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม ตามเจตจำนงวิทยาเขตศรีราชา คือ "สร้างองค์ความรู้ที่ทำให้พลเมืองโลกมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลก เกิดขึ้นจากพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม
โจ ลำน้ำปิง/รายงาน