เผยแพร่เมื่อ:
เขียนโดย Admin

ชลบุรี-รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ชี้เป็นบทเรียนราคาแพง เตรียมวางแผนป้องกันในระยะยาว



          จากกรณีเกิดเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์บนเรือบรรทุกสินค้าKMTC HONGKONG สัญชาติเกาหลี บริเวณท่าเทียบเรือ A 2 เขตท่าเรือแหลมฉบังหมู่ 10ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จนส่งผลให้มีบางตู้ที่เก็บสารเคมีเกิดระเบิดอย่างรุนแรงทำให้เกิดมลพิษปลิวว่อนไปไกล พนักงานและชาวบ้านนับร้อยถูกหามส่งโรงพยาบาลโกลาหลทั้งยังทำให้ทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์ที่จอดกลางแจ้งเสียหายจำนวนมาก ทั้งยังมีการสั่งอพยพพร้อมประกาศเป็นเขตสีแดง เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากสารเคมีตกค้างในขณะที่ทางตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



       ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล กรมเจ้าท่าแหลมฉบัง พ.ต.อ.ปรีชา สมสถาน ผกก.สภ.แหลมฉบัง ตัวแทนจากท่าเทียบเรือเอ 2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือเอ 2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อติดตามผลความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้ก่อนที่จะมีกาเดินสำรวจตัวเรือ ได้มีการนั่งประชุมชี้แจงผลการปฎิบัติในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยมีการรายงานผลของรายละเอียดการเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุ จนถึงเวลา 00.20 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

       เรือโทยุทธนา กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงผู้เชี่ยวชาญทางสารเคมี ก็พบว่าต้นเพลิงคือ สารแคลเซียมไฮโปคลอไรต์ จำนวน 13 ตู้คอนเทนเนอร์ และเป็นสารเคมีที่อยู่ในคลาสสินค้าอันตราย ประเภทที่ 5.1 ส่วนในเรื่องของผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสสารเคมี รวมถึงผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และระคายเคืองตา ตั้งแต่วันเกิดเหตุ มีจำนวนทั้งสิ้น 229 ราย กระจายไปรักษาอาการอยู่ตามโรงพยาบาลทั่วอำเภอศรีราชา และล่าสุดมีรายงานว่าสามารถกลับได้ทุกรายแล้ว ในขณะรายละเอียดของผู้ร้องทุกข์จากเหตุการณ์นี้ จำนวนทั้งสิ้น 1,225 ราย และประชาชนที่เดินทางแจ้งความร้องทุกข์อีก จำนวน 251 ราย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินค่าเสียหายทั้งผลกระทบทางสุขภาพ และผลกระทบทางด้านทรัพย์สิน

     นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเล กรมเจ้าท่า กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าท่าแหลมฉบัง ได้มีการลงพื้นที่ทำงานร่วมกับทางท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งการเข้าดับเพลิง และการตรวจสอบภาพใต้น้ำ เพื่อเข้าดำเนินการเก็บวัตถุ และเศษซากตู้คอนเทนเนอร์ที่ตกลงไปในน้ำทะเล ทั้งนี้สามารถเปิดท่าเทียบเรือใช่งานได้แล้ว


    นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม  กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็มีทั้งผลกระทบ ผู้ได้รับบบาดเจ็บ และมูลค่าความเสียหายที่มีจำนวนมาก แต่ถ้าหากทุกคนมีการป้องกันที่ดี มีความรอบคอบมากกว่านี้ เหตุการณ์เพลิงไหม้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ส่วนในประเด็นที่ว่าทางเรือลำดังกล่าว ไม่ยอมแจ้งรายละเอียดของสินค้าอันตรายต่อทางท่าเรือแหลมฉบัง ว่ามีสารเคมีดังกล่าวมาด้วยนั้น ถือว่ามีความผิดแน่นอน เพราะทางท่าเรือแหลมฉบังมีประกาศชี้แจงไว้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์ที่เกิดระเบิดนั้น ตั้งอยู่บริเวณใต้ท้องเรือจึงทำให้แรงระเบิดพุ่งขึ้นฟ้า แต่ถ้าหากตั้งอยู่บริเวณระวางเรือ ก็จะส่งผลให้บริเวณรอบๆ จุดเกิดเหตุก็เสียหายเป็นจำนวนมาก

     โดยหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และคณะกรรมการสอบสวนกลาง เข้าดำเนินการในขั้นตอนต่อไป


ปภิณวิช ศรีสรวล/ถ่ายภาพ
ยืนยงค์ ยินดีทรง/รายงาน

หนังสือพิมพ์รวมพลัง | รวมพลัง ทีวี

เขียนโดย Admin เวลา 22:24:00. หมวดหมู่ , , , . แจ้งข่าวสาร / ร้องทุกข์ หรือต้องการติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ คลิกที่นี่

สนับสนุนข่าวโดย ท่าเรือLCB ฮักเกอร์ Makro paitoon สโมสรโรตารี ไทยออยล์ ปตท. SCG