เผยแพร่เมื่อ:
เขียนโดย Admin
ครอบครัว “น้องเมย” สุดช้ำ หลังผบ.สูงสุด ผบ.รร.เตรียมทหาร แจงผลการเสียชีวิตลูกชายนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เผยไม่เคยได้รับการชี้แจงจาก รร.เตรียมทหาร
ครอบครัว “น้องเมย” สุดช้ำ หลัง ผบ.สูงสุด แจงผลการเสียชีวิตลูกชายนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เผยไม่เคยได้รับการชี้แจงจาก รร.เตรียมทหาร หรือหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นลายลักษณ์อักษร ซ้ำผลการผ่าชันสูตรรอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังพบเรื่องน่าตกใจ เมื่ออวัยวะสำคัญถูกนำออกจากร่างกายโดยไม่เคยได้รับเอกสารขออนุญาตจากสถาบันที่ผ่าพิสูจน์ในรอบแรก แจงทุกภาคส่วนชี้แจงพร้อมขอคืนอวัยวะเพื่อให้แพทย์ชันสูตรรอบ 2 หลังติดต่อคนคืนไปตั้งแต่ 8 พ.ย.แต่ยังไม่คืบ เผยผลรอบ 2 ออกเช่นไรจะยอมรับผลตามความเป็นจริง
วันนี้ ( 20 พ.ย.) นายพิเชษฐ -นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชาตัญกาญจน์ พ่อ-แม่และพี่สาว ของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้เพียง 1 วัน และทางครอบครัวได้รับเพียงใบมรณะบัตรจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ระบุสาเหตุว่า เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และทางครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจที่ วัดวิเวการาม อ.บางพระ จ.ชลบุรี ไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวอีกครั้ง หลัง พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ น้องเมย ว่าเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมระบุว่าแม้บิดา-มารดาของ น้องเมย จะไม่สบายใจก็ต้องว่าไปตามกระบวนการนั้น ทางครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ พล.อ.ธารไชย ออกมาเปิดเผย เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวไม่เคยได้รับการติดต่อจากโรงเรียนเตรียมทหาร หรือแม้แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิต และสาเหตุที่ทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันแต่อย่างใด
“เราต้องบอกว่าไม่เคลียร์กับคำพูดของ ผบ.สูงสุด เพราะครอบครัวยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงเรื่องผลการชันสูตร และเพราะเหตุใด ผบ.สูงสุด จึงรีบออกมาให้ข่าวว่าเป็นเพราะ หัวใจวายเฉียบพลัน ที่สำคัญก่อนหน้านี้โรงเรียนเตรียมทหาร ทำให้เราเข้าใจว่าได้ส่งศพ น้องเมย ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ แต่ข้อเท็จจริงเมื่อ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เราได้รับแจ้งจาก ผอ.กองการแพทย์ และ ผบ.โรงเรียนเตรียมทหาร คือ ศพน้องเมย ถูกส่งไปยังสถาบันพยาธิวิทยา ที่ขึ้นอยู่กับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ”
ขณะที่ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของ น้องเมย บอกว่าเนื่องจากทางครอบครัวต้องการที่จะได้รับผลสนับสนุนและผลการชันสูตรที่แม่นยำ จึงตัดสินใจนำศพ น้องเมย ส่งผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยมิได้นำศพเผาจริงในวันฌาปนกิจ เนื่องจากเกรงว่าจะมีบางสิ่งในร่างกายที่สถาบันแรกอาจตรวจไม่พบ ซึ่งผลที่ได้รับถึงกับทำให้ครอบครัวตกใจเพราะ นอกจากจะพบรอยช้ำที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากอะไรแล้ว ยังพบว่ามีการหักของซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทำ CPR หัวใจ และยังพบรอยช้ำที่มุมขวาด้านหน้า เช่นเดียวกับบริเวณแผ่นหลัง
นอกจากนั้นยังพบว่าอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป ทั้ง สมอง, หัวใจ ,กระเพาะอาหารและกระเพาะปัสสาวะ โดยที่ไม่เคยได้รับการบอกกล่าวจากผู้อำนวยการกองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหารตั้งแต่เมื่อครั้ง น้องเมย เสียชีวิต แต่ครอบครัวกลับได้รับแจ่งเพียงว่า ขออนุญาตตัดชิ้นเนื้อบางส่วนเพื่อทำสไลด์หาสาเหตุการเสียชีวิตเท่านั้น
“จากการสอบถามแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์รอบ 2 ก็บอกว่า ไม่เคยเจอกรณีที่มีการนำอวัยวะออกไปโดยไม่แจ้งให้ญาติทราบ ซึ่งปกติจะต้องมีการทำเอกสารขออวัยวะ แต่กองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหารไม่เคยทำเอกสารใดๆ แจ้งมาทางครอบครัว และสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้คือคำพูดของ ผบ.สูงสุด เพราะผลจากการนำไปแยกธาตุรอบ 2 ยังไม่ออกมา เราจึงจะรอผลการชันสูตรของสถาบันที่ 2 ก่อน จากนั้นผลจะออก เป็นเช่นไรเราจะยอมรับ ในวันนี้จึงขอเรียกร้องให้ ผบ.สูงสุด ,ผอ.กองการแพทย์ โรงพยาบาลเตรียมทหาร และ ผบ.โรงเรียนฯ ออกมาอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้น้องหัวใจวายเฉียบพลันว่าเกิดจากอะไร ที่สำคัญขณะนี้สถาบันที่ 2 ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพ ยังไม่ได้รับอวัยวะที่ถูกนำออกไป ทั้งที่เราได้ทำเรื่องขอจากทาง ผอ.กองการแพทย์ ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการชันสูตรรอบ 2 จะรู้ผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ถูกนำออกไปว่าจะได้คืนเมื่อใด” น.ส.สุพิชา กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวเคยได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการ ให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการสอบสอนสาเหตุการเสียชีวิตของ น้องเมย โดยมี รองผู้บัญชาการโรงเรียนเป็นประธาน ซึ่งผลสรุปออกมาเช่นไรจะรีบแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ พร้อมยืนยันว่าโรงเรียนฯ ไม่มีระบบซ่อม แต่เป็นระบบของการธำรงค์วินัย เช่นเดียวกับนักเรียนทหารทั่วโลก พร้อมยืนยันว่าสามารถหาสาเหตุการเสียชีวิตได้ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนนับตั้งแต่วันเสียชีวิต
โจ ลำน้ำปิง/รายงาน