เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 2 มกราคม พ.ต.ท.วิโรจน์ แจ่มจำรัส สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง ได้รับรายงานว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ถนนสาย 344 (บ้านบึง-แกลง) บริเวณกิโลเมตรที่ 26-27 หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ฝั่งขาเข้า จ.ระยอง จึงรุดไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.พิสิฏฐ โปรยรุ่งโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ดูแลงานด้านจราจร และนายพิเนตร เลิศเขมทัต นายอำเภอบ้านบึง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถตู้รับส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ-จันทบุรี หมายเลขทะเบียน 15-1352 กรุงเทพฯ มีผู้โดยสารมาเต็มคันรถชนกับรถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีบอร์น-เงิน หมายเลขทะเบียน 1ฒณ 2483 กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้โดยสารนั่งมาในรถและกระบะรถเต็มคันเหมือนกัน หลังจากนั้นได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนภายในรถทั้ง 2 คันบริเวณถนนสายดังกล่าว โดยมีประชาชนที่ขับรถผ่านไปมายืนดูด้วยความตกใจ แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้ ทำให้การจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตร จนกระทั่งมีรถดับเพลิงเทศบาลตำบลหนองอิรุณ เทศบาลเมืองบ้านบึงและใกล้เคียงทั้งหมด 3 คัน มาช่วยกันฉีดน้ำจนทำเพลิงสงบลงพบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นชายและหญิงจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิศีลธรรม ชลบุรี ได้ช่วยกันนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตออกมาจากซากรถทั้ง 2 คัน และได้นำส่งโรงพยาบาลบ้านบึง

สาเหตุเบื้องต้นพบว่าคนขับรถตู้ได้ขับรถมุ่งหน้าจาก จ.จันทบุรีเข้ากรุงเทพฯ หลับในพุ่งลงร่องกลางถนนข้ามไปถนนฝั่งตรงข้าม ประสานงากับรถกระบะอีซูซุที่วิ่งสวนมาชนกันอย่างจัง จนเกิดเพลิงลุกไหม้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บรวมทั้งหมด 25 คน เป็นชาย 9 คน และหญิง 16 คน

นายพิเนตร เลิศเขมทัต นายอำเภอบ้านบึง กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้คาดว่ารถตู้จะเป็นรถติดแก๊ส เมื่อเกิดการชนกันจึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นทันที เป็นเหตุให้รถตู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 คนซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยเป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน โดยผู้เสียชีวิตรถตู้ทั้งหมด 14 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 10 คน และรถกระบะ 11 คนเป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ซึ่งได้ลำเลียงศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อตรวจสอบตรวจเอกลักษณ์บุคคล และแจ้งให้ญาติทราบต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เพราะเอกสารถูกไฟไหม้เกือบทั้งหมด ส่วนผู้ใดสงสัยว่าญาติเดินทางมากับรถกระบะ และรถตู้ สามารถติดต่อประสานงานได้ที่มูลนิธิศีลธรรม ชลบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 038-444034

นายพิชัย นิ่มแย้ม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนขับรถเก๋งจะพาครอบครัวไปที่ จ.จันทบุรี มาถึงที่เกิดเหตุเห็นรถตู้เสียหลักพุ่งลงข้างทาง ข้ามเลนไปประสานงานกับรถกระบะ เห็นคนกระเด็นออกจากรถตู้ และเกิดไฟลุกท่วมได้แต่ยืนมอง พร้อมทั้งมีเสียงระเบิด แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เห็นคนอยู่รถร้องขอความช่วยเหลือก็สิ้นใจตายไปกับกองเพลิง

นายสราวุธ พิมพา อาสาสมัครกู้ภัยศีลธรรมบ้านบึง กล่าวว่า เมื่อได้รับรายงานจากศูนย์วิทยุศีลธรรมบ้านบึงก็รีบมาจุดเกิดเหตุทันที พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณห้องเครื่องรถตู้ แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ติดอยู่ในรถได้ เพราะเกรงว่าจะระเบิด แต่เห็นมีผู้รอดชีวิตที่กระเด็นออกมาจากรถ จึงได้แต่กันไม่ให้ใครเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุเพราะเกรงว่าหากจะเบิดจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้อยู่ภายในรถทั้ง 2 คัน มองดูแล้วจะเสียชีวิตเพราะถูกไฟคลอก

นายพิเนตร เลิศเขมทัต นายอำเภอบ้านบึงกล่าวว่า การเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร เพราะจากการสอบถามเบื้องต้นผู้เห็นเหตุการณ์บางคนบอกยางหน้าระเบิด บางคนบอกคนขับหลับใน คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนต่อไป ส่วนการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้คาดว่ามาจากรถตู้ติดแก๊ส อย่างไรก็ตามขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนควรเคารถกฎการจราจร ขับรถใช้ความเร็วพอประมาณ ที่สำคัญเมาไม่ขับ เพราะอาจจะมีผลต่อการขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

พ.ต.อ.พิสิฏฐ โปรยรุ่งโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ดูแลงานด้านจราจรกล่าวว่า กรมขนส่งทางบกควรออกมาตรการเกี่ยวกับรถโดยสาร เพราะชลบุรีเกิดเหตุไฟไหม้รถตู้มาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย โดยเฉพาะประตูรถตู้มีบานเดียวในการเปิดเข้า-ออก ซึ่งควรจะมี 2 ข้าง รวมทั้งกระจกควรที่จะติดตั้งเป็นบานเลื่อนจะได้เปิดออกได้ ซึ่งที่ผ่านมามีประตูเปิดออกทางเดียวไม่เกิดอุบัติเหตุเพลิงลุกไหม้ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีผู้รอดชีวิตคือ  นายธงชัย ตั้งวงษ์กุทธิกุล นั่งมาในรถตู้  น.ส.ปราณี บุณทูล นั่งมาในรถกระบะ

ส่วนผู้เสียชีวิตทราบเบื้องต้นมี นายวีรศักดิ์ หาญเสมอ, เด็กชายธง, ด.ญ.การ์ตูน, นางหทัยทิพย์ รอดภัย, นายกันตินันท์ ไทยตรง, นายพรหมพต กษิศริวลานนท์ อายุ 20 ปี