เผยแพร่เมื่อ:
เขียนโดย Admin
ท่าเรือแหลมฉบังฯ ร่วมกับผู้ประกอบการ วางแนวทางการเพิ่มตู้สินค้าผ่านท่า เพื่อรายได้ หลังพบมีปัญหาในเรื่องระเบียบข้อกฎหมาย
ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางท่าเรือแหลมฉบังได้มีการผลักดันโครการ ทรานชิปเมนต์ คือการเพิ่มปริมาณสินค่าผ่านมาท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นการเพื่อรายได้อีกทางหนึ่ง โดยที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการมาระหนึ่งแล้ว แต่พบว่ามีปัญหาและอุปสรรคหลายอย่าง และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายจึงได้มีการหารือร่วมกันกับผู้ประกอบการใน ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มจำนวนตู้สินค้าถ่ายลำ ที่มาใช้บริการที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยเป็นการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าภายในเขตรั้วของท่าเรือฯเท่านั้น ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศและจ้างงานเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมาท่าเรือแหลมฉบังมีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า ประมาณ 1 แสนกว่าตู้ตอนเทนเนอร์ โดยหากเพิ่มเป็น 4 - 5 แสนตู้คอนเทนเนอร์ ต่อปี ก็จะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้การเพิ่มตู้สินค้าผ่านท่าดังกล่าว จะไม่มีปัญหาต่อการจราจรแต่อย่างไร เพราะเป็นการขนถ่ายในเขตท่าเรือ โดยไม่มีการนำออกมาสู่ด้านนอก
ร.ต.ต. มนตรี กล่าวต่อไปว่า ในการพูดคุยกับผู้ประกอบการท่าเรือต่างๆ พบว่าเกิดจากหลายหน่วยงาน เช่น ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ,กรมเจ้าท่า แต่ก็มีการแก้ไขปรับปรุงไปบ้างแล้ว แต่ก็มีบ้างเรื่องที่ต้องแก้ไขเพิ่ม เช่น กรณีค่าบริการระหว่างการเคลื่อนย้ายระหว่างท่าเรือเรือในเขตรั้วท่าเรือแหลมฉบัง จาก B1 ไป C 1 ซึ่งมีอัตราค่าภาระการเคลื่อนย้าย
โดยมีการระบุไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามไม่ส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศ เพราะเป็นตู้ที่มาจากประเทศญี่ปุ่น และปลายทางที่ประเทศอินเดีย สายเดินเรือที่มาใช้บริการจะไม่กระทบภายในประเทศ แต่ท่าเรือฯจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงจูงใจของท่าเรือแหลมฉบัง ถูกกว่าประเทศสิงคโปร์ แต่ผู้ประกอบการยังไม่มาใช้ เนื่องจากการมีปัญหาบ้าง โดยท่าเรือแหลมฉบังจะแก้ไขปรับปรุงในเรื่องนี้
นอกจากนั้น เรื่องกฎระเบียบของศุลกากร ซึ่งท่าเทียบเรือของต่างประเทศ มีการดำเนินการไม่เหมือนประเทศไทย โดยศุลกากรได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้องแต่วิธีการอาจไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามศุลกากรอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา มีประมาณ 60,000 BTU ล่าสุดขึ้นมา 100,000 กว่า BTUแล้ว แต่อย่างไรก็กำลังพัฒนาให้ลื่นไหลขึ้น
ร.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า นอกจากนั้นมีปัญหา เรื่องร่องน้ำเดินเรือตื้นเขิน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ล้าช้าบ้าง เนื่องจากอยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีปัญหาและพร้อมจะดำเนินการในเร็วๆนี้ เพราะท่าเรือมีงบประมาณในการขุดลอกร่องน้ำอยู่แล้ว
สำหรับปัญหาต่างๆ คาดว่าจะดำเนินการแก้ไขในเร็วๆนี้ คาดว่า ภายใน 4-5 เดือนนี้ ก็สามารถแก้ไขได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามปัญหาใหญ่เกิดจากสายการเดินเรือ และเจ้าของเรือ จะตัดสินใจมาใช้ท่าเรือแหลมฉบังหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนตู้สินค้า หากมีตู้สินค้ามากสายเดินเรือก็จะมาขนเอง ซึ่งหากแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ก็จะดึงดูดสายเดินเรือมาใช้บริการเพิ่มขึ้น
โจ ลำน้ำปิง/รายงาน