เผยแพร่เมื่อ:
เขียนโดย Admin
พิธี “ยกเสาเอก เสาโท” เซ็นทารา ซันไรซ่า โรงแรมระดับ 4 ดาว ทุ่มเกือบพันล้านบาท ริมหาดศรีราชา จ.ชลบุรี
รองรับการเกิดขึ้นของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่จะดันทั้งเม็ดเงินจากภาคการลงทุน และการท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ พร้อมดึงเชน “เซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนท์ แอนด์ สวีท ”ร่วมสร้างจุดแข็งด้านการเป็นมืออาชีพเรื่องงานบริหาร และงานบริการระดับนานาชาติ คาดใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 18 เดือน
วันนี้ ( 2 พฤษภาคม) บริษัท สไมล์ คอนโด (2011) จำกัด ได้ทำพิธี “ยกเสาเอก เสาโท” โครงการก่อสร้างโรงแรมเซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนท์ แอนด์ สวีท ศรีราชา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาดสูง 7 ชั้น และ 2 ชั้นใต้ดิน ห้องพักรวม 145 ห้อง บนเนื้อที่ 2 ไร่ 44 ตารางวา และเป็นโครงการเฟสที่ 2 ต่อจากโครงการซันไรซ่า คอนโดมิเนียม ศรีราชา โดยมี นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี และมี ทต.วิสิทธิ์ ชัยจินดารัตน์ กรรมการบริษัท สไมล์ คอนโด (2011) จำกัด ,ทพญ.ณัฏฐ์ศรัย ชัยจินดารัตน์ กรรมการบริษัท ฯ และรองเลขาธิการ หอการค้าจังหวัดชลบุรี นำคณะผู้บริหารโครงการให้การต้อนรับ
ทตญ.ณัฏฐ์ศรัย เผยว่า โรงแรมเซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนท์ แอนด์ สวีท ศรีราชา มีความหมายที่น่าสนใจคือ ซันไรซ่า แปลว่า พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งสอดคล้องกับที่ตั้งของโครงการที่อยู่ติดทะเล ริมหาดศรีราชา สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้อย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่ในการออกแบบโครงการที่ผู้เข้าพักจะมีโอกาสได้เห็น“แสงแรกแห่งตะวันออก” ส่วนการจัดพิธียกเสาเอก เสาโท เป็นความเชื่อและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดและอยู่คู่สังคมไทยมาอย่างช้านาน เพื่อบอกกล่าวพระแม่ธรณี เทพ เทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ ณ บริเวณสถานที่ก่อสร้าง เพื่อให้เกิดความราบรื่น และความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ประกอบการและผู้อยู่อาศัย
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้าง โรงแรมเซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนท์ แอนด์ สวีท ศรีราชา มาจากแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัท สไมล์ คอนโด (2011) จำกัด ที่จะสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาวให้เป็น Hotel Brand ของไทย ที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้บริการห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง เช่น สระว่ายน้ำ สปา ร้านอาหาร ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สวนน้ำขนาดเล็กสำหรับเด็กฯลฯ ในรูปแบบของ Business Hotel and Happy Family Guarantee และยังเป็นการพัฒนาที่ดินติดทะเลศรีราชาให้มีความเจริญ ส่งเสริมธุรกิจบริเวณใกล้เคียงให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 18 เดือน
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอศรีราชา ปัจจุบันอยู่ในภาคที่กำลังมีการเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กำลังจะมีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทจะใช้เพื่อการลงทุนจากภาครัฐ ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนจากภาคเอกชน ขณะที่จังหวัดชลบุรี มีศักยภาพทางการลงทุนค่อนข้างสูง เราจึงเปิดโครงการนี้ขึ้นเพื่อรองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาในพื้นที่ เนื่องจากในอดีตเมืองศรีราชา ไม่เคยมีเชนโรงแรมจากกลุ่มทุนข้ามชาติเข้ามาบริหาร แต่ในวันนี้มีทั้เชนโนโวเทล และฮอลิเดย์อิน เข้ามาแล้ว แต่เราเชื่อถือในแบรนด์ เซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนท์ แอนด์ สวีท ที่มีจุดแข็งด้านการเป็นไทยแบรนด์ ที่สามารถก้าวไปสู่นานาชาติ ซึ่งจะตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มคนไทย และภาคธุรกิจ รวมถึงนักท่องเที่ยว และเชื่อว่าหากคนไทยร่วมมือกัน จะสามารถตอบโจทย์ของศรีราชาได้อย่างแน่นอน”
ทพญ.ณัฏฐ์ศรัย ยังเผยอีกว่า บริษัทฯมีความมั่นใจทางการลงทุน แม้จะมีข้อมูลออกมาว่าในปี 2562 จำนวนห้องพักและโรงแรมในอำเภอศรีราชา จะมมากกว่าเมืองพัทยา แต่ก็เชื่อมั่นว่าไม่ว่าเศรษฐกิจรอบนอกจะเป็นเช่นร แต่เมืองศรีราชา ที่มีความเจริญเติบโตอย่างมาก และยังจะมีโครงการดิจิทัล พาร์ค เกิดขึ้น รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะวิ่งผ่านรอบนอกของเมือง จะทำให้การขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจที่เกิดจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนมีมากขึ้น เห็นได้จาก GDP ของจังหวัดชลบุรีที่มีมากถึง 5% ขณะที่ GDP ทั่วประเทศเติบโตเฉลี่ยเพียง 2-3% โดยกลุ่มลูกค้าของโรงแรมฯ จะเป็นกลุ่มผู้ที่อยู่ในภาคธุรกิจเป็นสำคัญ รวมทั้งกลุ่มประชุม สัมมนา
ขณะที่ นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่าจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการก่อสร้างโรงแรมในอำเภอศรีราชา ถือเป็นการพัฒนาที่ดินติดทะเลให้มีความเจริญมากขึ้น และสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดชลบุรีได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังสร้างงาน สร้างรายได้ให้เกิดกับประชาชนในท้องถิ่นอีกด้วย
โจ ลำน้ำปิง/รายงาน